00:14 |
การเทียบระดับเสียงกีตาร์
|
ในความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องใหญ่ที่นักกีตาร์มือใหม่มักมองข้าม
เพราะตัวกีตาร์
|
สายเพี้ยนจะเล่นเพลงให้ไพเราะก็ย่อมเป็นไปไม่ได้
และเป็นการบั่นทอนกำลังใจเวลาฝึกหัดเสียอีก
|
ว่าเล่นเท่าไรเสียงก็มักแปร่ง
ๆ เสมอ
|
การเทียบเสียงด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมาก
ผู้เริ่มฝึกหัดควรจะฝึกเทียบระดับเสียง
|
ทุกวัน
จนกว่าจะจับระดับเสียงที่ถูกต้องได้ และควรเทียบระดับเสียงก่อนเล่นทุกครั้ง
ฝึกให้เป็นนิสัย
|
การเทียบระดับเสียง
มีหลักการใหญ่ ๆ อยู่ 3 แบบ ได้แก่
|
1. เทียบเสียงกับคีย์บอร์ด
เราจำเป็นต้องรู้ระดับเสียงของสายแต่ละเส้น
แล้วจึงเทียบ
|
กับคีย์บอร์ด
ให้เสียงทั้งสองนั้นกลมกลืนกัน
|
|
|
มิดเดิ้ล C ( Middle C )
|
![]() |
|
|
|
|
|
|
|
|
2. เทียบเสียงโดยใช้สาย
6 เป็นหลัก
|
กดสาย 6
ช่องที่ 5 แล้วเทียบให้ตรงกับเสียง A
เป็นหลัก
|
กดสาย 5
ช่องที่ 5 เทียบกับสายเปล่าสาย 4
ซึ่งจะเป็นโน้ตเสียง
D
|
กดสาย 4
ช่องที่ 5 เทียบกับสายเปล่าสาย 3
ซึ่งจะเป็นโน้ตเสียง
G
|
กดสาย 3
ช่องที่ 4 เทียบกับสายเปล่าสาย 2
ซึ่งจะเป็นโน้ตเสียง
B
|
กดสาย 2
ช่องที่ 5 เทียบกับสายเปล่าสาย 1
ซึ่งจะเป็นโน้ตเสียง
E
|
เมื่อเทียบสายได้คล่องแคล่วแล้ว
วิธีนี้อาจใช้สายใดสายหนึ่งเป็นหลักก็ได้ แล้วจึง
|
เทียบโดยใช้หลักการเดียวกัน
|
![]() |
3. เทียบเสียงด้วยเสียงฮาโมนิค
(Harmonic)
|
วิธีปฏิบัติเสียงฮาโมนิค
คือ การที่เราใช้นิ้วมือซ้ายแตะสายที่ต้องการเบา ๆ เหนือ
|
เฟร็ทกีตาร์
โดยไม่ต้องออกแรงกดแล้วดีดด้วยมือขวา เพียงจะออกมาลักษณะ ก้อง , กังวาลคล้าย
|
เสียงระฆัง
|
การเทียบสายลักษณะนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ฝึกปฏิบัติกีตาร์มานานแล้ว
หรือนักดนตรี
|
อาชีพ
เพราะสามารถเทียบเสียงได้รวดเร็ว และเสียงฮาโมนิคนั้น
ชัดเจนกว่าการเทียบโน้ตสายเปล่า
|
ทำให้ฟังง่าย
|
ก่อนอื่น
เทียบเสียงสายที่ 6 ให้เป็นเสียง E แล้วทำการเทียบเสียง ดังรูป
|
|
![]() |
วิธีตั้งสายหรือเทียบระดับเสียงนั้น
ยังวิธีอื่นอีกมากมาย และบางวิธีที่กล่าวมาแล้ว
|
ผู้ที่ชำนาญอาจมีวิธีเทียบเสียงแตกต่างกันอีก
แต่ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือ เทียบสายให้ได้
|
ระดับเสียงมาตรฐาน
|
00:11 |
การบำรุงดูแลรักษาอุปกรณ์
|
การบำรุงดูแลรักษาอุปกรณ์นับเป็นความจำเป็น
และสำคัญอย่างหนึ่งในการเล่น
|
ดนตรี
ผู้ที่เล่นดนตรีทุกคนควรหมั่นทำความสะอาดเครื่องมือของตนก่อนเล่น
เพื่อตรวจสภาพของ
|
เครื่องว่าปกติดีหรือไม่
และทำความสะอาดหลังการซ้อม หรือการเล่นเพื่อทำความสะอาดคราบ
|
เหงื่อและไขมันต่าง
ๆที่ออกไปจากตัวเรา และพวกฝุ่นละอองตกค้างทั้งหลาย
|
การขาดการดูแลรักษา
มีผลตามมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสีของเครื่องจะดูเก่า ,
|
เสียงไม่ดี
เพราะมีสนิมเกิดขึ้นที่สาย และโดยเฉพาะพวกอุปกรณ์ที่เป็นโลหะ อาจเกิดสนิมขึ้น
หรือ
|
มีรอยด่างต่าง
ๆ ซึ่งเกิดจากผลของการสัมผัสและมีคราบเหงื่อแล้วไม่ได้ทำความสะอาด ถ้าไม่ดูแล
|
ในสิ่งเหล่านี้
อีกไม่นานก็ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่
|
เครื่องดนตรีประเภทกีตาร์ไฟฟ้าและกีตาร์เบสนั้น
เป็นเครื่องที่คล้ายกันและทำ
|
ความสะอาดค่อนข้างจุกจิกกว่าเครื่องชนิดอื่น
เริ่มต้นจาก
|
1. ลำตัว
(Body) ในส่วนของลำตัว มีวิธีทำความสะอาดหลายวิธี
ขึ้นอยู่กับลักษณะ
|
ของวัสดุที่ใช้เคลือบลงบนพื้นผิว
ส่วนใหญ่เป็นประเภทแลคเกอร์ หรือสีต่าง ๆ แล้วเคลือบทับด้วย
|
แลคเกอร์ยูรีเทน
, วานิช หรือจะเป็นสีประเภท epoxy , Polyester ฯลฯ
ต่างก็เป็นวัสดุที่มีความแข็ง
|
ของพื้นผิวที่แตกต่างกันไป
ถ้าเรียงลำดับแล้ว พวกที่เคลือบด้วยแลคเกอร์ หรือวานิชจะมีความ
|
แข็งแรงของพื้นผิวน้อยกว่าการเคลือบด้วยวัสดุประเภทอื่น
ๆ
|
ดังนั้นการทำความสะอาดจึงขึ้นอยู่กับประเภทของวัสดุที่เคลือบ
และความสกปรก
|
ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวนั่นเอง
โดยเริ่มจาก
|
1) ผ้า เป็นวัสดุหลักในการทำความสะอาดเป็นสิ่งแรก
ผ้าที่ใช้เป็นพวกผ้าสำลี
|
หรือผ้าเก่า
ๆ ที่ไม่ได้ใช้แล้ว แต่ต้องเป็นผ้าค่อนข้างนิ่ม ถ้าใช้ผ้าแข็งมาใช้เช็ด
อาจทำความสะอาด
|
ไม่ได้ดีเท่าที่ควร
และอาจเกิดรอยเป็นเส้นเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “รอยขนแมว”
|
เราสามารถใช้ผ้าทำความสะอาดส่วนต่าง
ๆ ของเครื่องได้แทบทุกส่วน โดย
|
ไม่ต้องใช้น้ำยาต่าง
ๆ มาช่วยในการเช็ดถูเลย
|
2) น้ำอุ่น เป็นวิธีที่ค่อนข้างดีที่สุดในทุกกรณี
ไม่ว่าจะมีคราบสกปรกมาก – น้อย
|
เท่าไร
หรือจะใช้ในลักษณะทำความสะอาดช่วงแรกก่อนที่จะใช้วัสดุประเภทอื่น ๆ
มาช่วยขัดก็ได้
|
และยังช่วยให้ประหยัดไปในตัว
ก่อนใช้วัสดุอื่นที่จะใช้ตาม เพราะคราบสกปรกจะถูกขจัดออกไป
|
ส่วนหนึ่งแล้ว
|
วิธีใช้นำผ้าชุบน้ำแล้วบิดให้แห้ง
แล้วเช็ดควรออกแรงกดบ้างเล็กน้อย เพื่อให้
|
สะอาดจริง
เมื่อเช็ดเสร็จก็ใช้ผ้าแห้งเช็ดตาม วิธีนี้ง่ายและไม่มีผลเสียกับผิวและสีของเครื่อง
|
|
]
3) น้ำมันไฟแช็ค เป็นวัสดุที่สามารถใช้เช็ดหรือล้างหลาย ๆ
ส่วนของกีตาร์ ไม่ว่า
|
จะเป็นด้วยคุณสมบัติที่แห้งเร็ว
และไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสี หรือวัสดุที่เช็ด
|
วิธีใช้งานก็คล้ายกับน้ำอุ่น
เพียงแต่หยดลงบนผ้าแห้งสักเล็กน้อย รอสักครู่ให้แห้ง
|
หมาด
ๆ แล้วเริ่มเช็ด ในระหว่างที่เช็ดจะเห็นว่ามีคราบสกปรกออกมาติดผ้า
แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดตาม
|
วิธีนี้ไม่ควรใช้ติดต่อกัน
ควรเว้นช่วง 1
– 2 อาทิตย์ ต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา
|
4) น้ำยาทำความสะอาดกีตาร์
(Guitarpolish) วัสดุประเภทนี้จะเป็นลักษณะของ
|
การนำเอาสารเคมีต่าง
ๆ มาผสมกัน มีพวกสารที่ใช้ขัดเพื่อเอาส่วนสกปรกออก และมีสารเคลือบเงา
|
ประเภท
wax ซึ่งเป็นตัวเคลือบผิว ทำให้เงาและลื่น เช่น ยี่ห้อ Matin , Jim
Dunlop
|
เนื่องจากน้ำยาดังกล่าวมีสารที่ขัดและเคลือบเงา
หากเราใช้บ่อยครั้งก็เหมือนกับ
|
เราขัดสีออกไปทีละน้อย
แต่เราเอา wax
มาเคลือบแทนที่ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สีของกีตาร์เปลี่ยน
|
ไปได้
|
5) น้ำยาขัดละเอียด และขัดหยาบ เป็นวัสดุใช้ขัดสีในอู่ซ่อมรถยนต์เหมาะสำหรับ
|
กีตาร์ที่ใช้สีประเภท
Epoxy
, ยูนิเทน หรือประเภทสีที่มีผิวแข็งเคลือบเท่านั้น
สีที่ใช้น้ำเป็นส่วนผสม
|
ในการพ่น
หรือประเภทแลคเกอร์ และวานิช ไม่เหมาะแก่การใช้เพราะมีผิวที่ค่อนข้างอ่อนเกินไป
|
เวลาใช้จะทำให้เกิดผลเสียภายหลัง
ส่วนใหญ่จะใช้เป็นกรณีสุดท้าย คือทั้งสกปรก และปรากฎเป็น
|
รอยขนแมวมาก
แต่เมื่อขัดเสร็จแล้ว ก็ควรขัดด้วยน้ำยาเคลือบกีตาร์อีกครั้ง
|
2. คอกีตาร์
(Fingerboard )ในการทำความสะอาดแยกได้ 2 ประเภท คือ
|
2.1. คอกีตาร์ประเภทเคลือบแลคเกอร์ มักเป็นแบบมี่ใช้ไม้เมเปิ้ล (Maple)
ทำ
|
สังเกตได้จากส่วนคอที่มีสีขาว
การทำความสะอาดคอประเภทนี้ต้องระวัง
|
ขั้นตอนทำความสะอาด
|
1) ใช้เพียงผ้าแห้งค่อย ๆ เช็ด ถ้าคราบสกปรกยังไม่ออก
ก็ใช้ผ้ากับน้ำอุ่นเช็ด
|
2) ถ้าคราบอยู่ตามซอก ให้ใช้แปรงสีฟันขัด ระวังอย่าให้เกิดรอย หรือใช้
|
น้ำมันไฟแช็คหยดลงไปสักเล็กน้อย
แล้วค่อย ๆ ขัด เมื่อเรียบร้อยแล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดอีกครั้ง
|
ข้อควรระวัง
|
ถ้าส่วนไหนที่มีรอยในลักษณะผิวที่เคลือบโดนขูดออกไป ควรใช้ผ้าสะอาด
|
และแห้งเช็ดเท่านั้น
|
|
|
|
|
2.2. คอกีตาร์ประเภทไม่ได้เคลือบแลคเกอร์
|
ขั้นตอนทำความสะอาด
|
1) ใช้แปรงทาสีปัดฝุ่นต่าง ๆ ออกจาก Fingerboard
|
2) ใช้แปรงสีฟันถู ไล่ไปตามเฟร็ท (Fret) และช่องระหว่างเฟร็ททุกอัน
|
3) ใช้แปรงปัดอีกครั้ง
แล้วเอาผ้าแห้งเช็ดตาม ระวังอย่าใช้เล็บขีดไปตามซอก
|
หรือกดลงบนพื้นผิวของ
Fingerboard
ซึ่งจะเป็นรอยมากกว่าเดิมได้
|
4) กรณีที่ผิวของ Fingerboard แห้งเกินไป
ให้ใช้น้ำมัน Lemon oil หยดลง
|
บนผ้าสะอาดเล็กน้อย
แล้วค่อย ๆ เช็ดไปตามช่องบน Fingerboard ทุกช่อง
จากนั้นทิ้งไว้สักครู่
|
ค่อยใช้ผ้าแห้งเช็ดตามอีกครั้ง
|
3. หย่อง
หรือ Bridges โดยทั่วไปจะมี
3 ประเภทใหญ่ ๆ
ได้แก่
|
3.1 แบบ Strat Style Tremolo Bridges ที่ใช้ในกีตาร์ยี่ห้อ Fender ในรุ่นที่มี
|
คันโยก
ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่า หรือใหม่ ก็มีส่วนประกอบที่คล้ายกัน หรือจะเป็นยี่ห้ออื่น
ส่วนใหญ่แล้ว
|
รูปร่างและลักษณะจะไม่แตกต่างกันมากนัก
อาจต่างกันที่วัสดุที่ใช้ทำขึ้นมาเท่านั้น
|
ในส่วนของ หย่อง (Bridges) นั้น
มีส่วนประกอบที่สำคัญอยู่ไม่กี่ชิ้น แต่การ
|
ทำความสะอาดส่วนที่สำคัญที่สุด
คือ ส่วนที่เรียกว่า Saddles
|
|
![]() |
|
เพราะ Saddles เป็นส่วนที่ต้องรองรับความสั่นสะเทือนของสาย อีกทั้งรองรับ
|
น้ำหนักแรงดึง
และแรงที่เราดีดสายในแต่ละครั้ง ปัญหาที่พบอยู่เสมอคือ
สนิมที่จับตัวกันอยู่บริเวณ
|
ที่มือของเรามักจะไปสัมผัส
ในส่วนนี้มักมีสนิมมาเกาะติดอยู่อย่างค่อนข้างถาวร เพราะเป็นส่วนที่
|
ยากแก่การทำความสะอาด
|
|
|
|
|
ขั้นตอนทำความสะอาด
|
1) ถอดแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ของ Saddles ออกมา
|
2) ส่วนที่เป็นสนิมให้ใช้แปรงทองเหลืองแบบมีด้ามขัด ขัดเอาสนิมออก
|
3) แต่ถ้าเป็นน็อตที่ยึดอยู่มีสนิมเกาะอยู่แน่นถอดไม่ออก ให้ใช้น้ำยา Sonax
|
ฉีดทิ้งไว้สักครู่
แล้วขันออกอีกครั้ง เมื่อนำน็อตออกมาได้ ให้นำใส่กระป๋องแล้วฉีดน้ำยา Sonax
|
ให้ท่วมเหนือน็อต
ปล่อยทิ้งไว้จนกว่าสนิมจะถูกกัดออกหมด
|
4) การทำความสะอาด Saddles ให้ใช้น้ำยาขัดโลหะ Venol ขัดเอาสิ่งสกปรก
|
ที่ฝังอยู่ในเนื้อเหล็กออก
เมื่อเห็นว่าสะอาดดีแล้ว ให้นำไปแช่น้ำยา Sonax เพื่อให้สนิมที่อยู่ในรู
|
ที่ใส่น็อตหลุดออกไปให้หมด
|
3.2. แบบ
|
จะแบ่งเป็น
2 ช่วง คือช่วงตัวของ Bridges ส่วนใหญ่จะใช้แบบที่เรียกว่า
Tune – O – Matic
|
|
![]() |
|
ซึ่งมีแบบของการติดตั้งอยู่ 2 แบบ
ส่วนอีกช่วงหนึ่ง คือ ตัวที่เรียกว่า Tailpieces
|
ทางด้านการทำความสะอาดจะคล้ายกับแบบแรก
ต่างกันตรงที่ใช้เพียงแปรงสีฟันขัดในส่วนต่าง ๆ
|
เพราะส่วนใหญ่แล้ว
มักจะไม่ค่อยเป็นสนิม แต่อาจเป็นคราบ หรือรอยต่าง ๆ มากกว่า
|
รอยเหล่านี้เกิดจากการลอกของวัสดุที่ใช้เคลือบและการถูกขัดสีจากมือที่สัมผัส
|
แต่ถ้าจะมีก็เป็นคราบที่มีสีลักษณะออกเขียว
ให้ใช้น้ำยาขัดทองเหลืองขัดออก จะได้ไม่ทำให้เกิด
|
รอยบริเวณอื่น
|
|
|
|
3.3. แบบ Locking
Tremolo หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Floyd
Rose
|
เครื่องมือแบบนี้มักไม่มีปัญหาเรื่องสนิม
ส่วนมากมักเป็นเรื่องฝุ่นผงที่หลุด
|
เข้าไปติดตามซอกต่าง
ๆ มากกว่า และอาจจะมีเรื่องของการสึกหรอบางส่วน
|
ในการทำความสะอาดจะใช้แปรงสีฟันขัดตามบริเวณต่าง ๆ โดยเฉพาะตรง
|
ส่วนด้านใต้ของ
Saddles
และตรงช่วงใต้น็อต Fine Tune ก็มักจะมีฝุ่นเกาะอยู่เป็นจำนวนมาก
|
เมื่อเสร็จแล้วใช้น้ำมันไฟแช็คเช็ดตามอีกครั้ง
เพื่อขจัดคราบน้ำมันจากมือเราที่ไปติดกับส่วนที่
|
ทำความสะอาด
|
ในกรณีที่มีสนิมขึ้นที่น็อตที่ใช้ล็อคสายกีตาร์ ให้เช็ดด้วยน้ำมันไฟแช็ค
หรือ
|
น้ำมัน
Sonax
ถ้าเป็นส่วนที่ต้องการให้มีน้ำมันหล่อลื่น ให้เลือกใช้น้ำมัน Sonax
เป็นตัวทำความ
|
สะอาด
โดยฉีดลงบนผ้า แล้วนำไปเช็ดล้างตามจุดที่ต้องการ ไม่ควรฉีดลงไปโดยตรง เพราะจะทำ
|
ให้ฝุ่นมาเกาะติดได้ง่าย
|
|
|
![]() |
|
|
|
|
|
|
4. ลูกบิด
การทำความสะอาดส่วนนี้
ก็เหมือนกับการทำความสะอาด Bridges
|
ขั้นตอนทำความสะอาด
|
1) ถอดลูกบิดออกจากตัวกีตาร์ แล้วใช้น้ำยาขัดโลหะทำความสะอาด
|
2) ถ้าลูกบิดตัวไหนที่ฝืดให้ใช้จารบีขาวใส่
แต่ถ้าเป็นรุ่นที่มีน็อตขันอยู่ด้านใน
|
ก็ลองหมุนดูก่อน
บางทีอาจจะขันแน่นเกินไป ทำให้ฝืดหรือลื่นเกินไป
|
|
![]() |
|
5. อุปกรณ์อิเลคทรอนิค การทำความสะอาดอุปกรณ์ประเภทนี้
คือการทำความ
|
สะอาดพวกปุ่มสวิทต่าง
ๆ ในกรณีที่เราทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ แล้ว ควรทำความสะอาดส่วน
|
เหล่านี้ด้วย
เพียงใช้สเปรย์ล้างคอนแท็คฉีดตาม ดังรูป
เท่านี้ก็สามารถยืดอายุและรักษาอุปกรณ์
|
เหล่านี้ให้ทำงานได้ปกติ
|
|
![]() |
|
|
|
|
การทำความสะอาดคีย์บอร์ด
|
โดยปกติแล้วการทำความสะอาดเครื่องคีย์บอร์ดจะใช้เพียงผ้าสะอาดที่อ่อนนุ่ม
|
เช็ดทำความสะอาดเพียงอย่างเดียว
ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดอื่น ๆ ฉีดหรือเช็ด จะทำให้
|
ตัวเครื่องด่าง
หรือน้ำยาซึมเข้าตัวเครื่องบริเวณหน้าปัด , ร่องของปุ่มกดเปลี่ยนโปรแกรมเสียง
|
อาจทำให้แผงวงจรความจำเครื่องชำรุดได้
|
การทำความสะอาดกลอง
|
กลองชุดจะมีส่วนประกอบแยกได้ดังนี้
|
1. ส่วนของโลหะ
ได้แก่ ขาตั้งฉาบ
, ฉาบต่าง ๆ และวงแหวนขอบกลอง
|
2. ตัวถังกลอง
ได้แก่ ตัวกลองเบส , กลองสแนร์ และกลองทอม
|
1. ส่วนของโลหะ
|
ควรใช้น้ำยาบัสโซเช็ดทำความสะอาด
คราบที่ปรากฏมักได้แก่ คราบเหงื่อ คราบรอย
|
นิ้วมือ
หรือ คราบฝุ่นละอองที่จับตัวกันมานาน หลังจากใช้น้ำยาบัสโซแล้วควรใช้ผ้าสะอาดเช็ด
|
คราบน้ำยาอีกครั้งเท่านั้นพอ
|
2. ตัวถังกลอง
|
ส่วนใหญ่จะทำจากไม้หลาย
ๆ แผ่นอัดติดกันด้วยเครื่องจักรที่มีแรงอัดสูงโดยใช้
|
กาวและความร้อน
ส่วนตัวกลองชั้นนอกสุดจะเป็นไม้คีรีบอร์ดสีต่าง ๆ หรือไฟเบอร์คลาส
|
ดังนั้นการทำความสะอาดตัวถังกลองจึงใช้ผ้าสะอาดเช็ดเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
|
![]() |
|
1.
DIY . “DO IT YOUR
SELF” THE QUIET STORM. ฉ. 150. ,มปท.,
1995. หน้า 82 – 83.
|
2.
DIY . “DO IT YOUR
SELF” THE QUIET STORM. ฉ. 151. ,มปท.,
1995. หน้า 54 – 56.
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)